กว่าจะรู้ตัวภายในรถยนต์ก็อับชื้น… ตั้งรับให้ถูกจุด! สอดส่องรถยนต์ของคุณว่าบริเวณไหนบ้างที่อาจเกิดปัญหาน้ำรั่วเข้ารถได้ พร้อมวิธีการแก้ไขได้ถูกจุด มาดูไปด้วยกัน
————————————————————————————————————————————-
ตั้งรับให้ถูกจุด! เคลียร์ปัญหาน้ำรั่วเข้ารถเกิดได้จากบริเวณไหนบ้าง?
ขับรถยนต์ในหน้าฝนต้องหมั่นดูพยากรณ์อากาศ เพราะฝนที่ตกกระหน่ำแบบไม่ทันตั้งตัวมักจะทำให้คุณมีปัญหาในการขับขี่ได้ โดยเฉพาะปัญหาน้ำรั่วเข้ารถที่เราจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเกิดเหตุแล้วถือว่าเป็นปัญหาน่าปวดหัวที่สร้างความเสียหายให้กับรถยนต์ของคุณได้เป็นอย่างมาก เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้ถูกจุด เรามาดูไปด้วยกันเลยดีกว่าว่าน้ำรั่วซึมเข้ารถนั้นเกิดได้จากบริเวณไหนบ้าง
น้ำรั่วเข้ารถเกิดได้จากบริเวณไหนบ้าง
น้ำรั่วเข้ารถสามารถเกิดขึ้นได้หลายจุดด้วยกัน โดยแต่ละบริเวณก็มีวิธีในการแก้ไขแตกต่างกัน หลักๆ แล้วสามารถพบได้บ่อยบริเวณเหล่านี้
- รอยต่อ-ซีลของขอบยาง
ขอบยางช่วงประตูรถยนต์หรือรอยต่อซีลของกระจกบังลมหน้าเป็นบริเวณยอดฮิตที่พบปัญหาน้ำรั่วเข้ารถ เรียกว่าบริเวณรอยต่อและรอยซีลของขอบยางทั่วรถยนต์คือจุดเสี่ยงก็ว่าได้ เพราะตัวยางหากถูกความร้อนเป็นเวลานานก็จะเสื่อมสภาพทำให้ไม่แนบสนิทกับตัวรถจนเกิดเป็นรอยรั่วให้น้ำเข้ามาภายในรถได้
- ท่อน้ำทิ้งแอร์รั่ว
บริเวณพื้นที่นั่งด้านหน้ามักเป็นบริเวณของท่อน้ำทิ้งแอร์ หากพบรอยน้ำที่พรมก็สันนิษฐานได้เลยว่าท่อน้ำทิ้งแอร์อาจจะรั่วเรียบร้อยแล้ว บริเวณนี้จะทำให้รถคุณอับชื้นได้ง่ายๆ แม้ในวันธรรมดาที่ไม่มีฝนตก
- จุกยางระบายน้ำใต้รถยนต์ชำรุด – หาย
จุกยางระบายน้ำใต้รถยนต์เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนสำคัญที่ป้องกันไม่ให้น้ำเข้ามาภายในตัวรถยนต์ได้ ช่วยทำให้รถยนต์สามารถวิ่งผ่านน้ำท่วมขังได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นถ้าหากจุกดังกล่าวชำรุดหรือหายไปก็จะทำให้น้ำสามารถเข้ามาได้ทันที
แก้ไขน้ำรั่วเข้ารถได้อย่างไร
ความชื้นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากน้ำรั่วเข้ารถ ซึ่งความชื้นเหล่านี้เป็นตัวแปรที่ทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับภายในรถยนต์อันดับหนึ่ง ทางเลือกที่ดีที่สุดและแก้ไขได้ตรงจุด คุณควรนำรถยนต์เข้าตรวจสภาพที่ศูนย์หรืออู่ซ่อมรถโดยผู้เชี่ยวชาญทันทีเพื่อซ่อมแซมบริเวณที่เสื่อมชำรุดพร้อมทั้งทำความสะอาดภายในรถยนต์แบบยกเซ็ท
อย่างไรก็ตามคุณสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นได้เองด้วยการนำรถยนต์ออกมาจอดตากแดดเอาไว้ จากนั้นทำการรื้อพรมภายในรถยนต์ออกมาตากแดดจนกว่าจะแห้งพร้อมเปิดประตูรถยนต์และลดกระจกทุกบานเพื่อระบายความชื้นออกมาภายนอก หากมีเครื่องเป่าลมร้อนก็สามารถนำมาใช้เป่าเบาะที่เปียกได้เช่นกัน เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณทำได้แต่ก็ไม่คงทน เนื่องจากบริเวณที่เกิดปัญหาจริงๆ นั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขนั่นเอง
ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่?
กรณีน้ำรั่วเข้ารถจากการที่เราขับเข้าพื้นที่ที่มีน้ำท่วมหรือน้ำขังสูงอยู่แล้วหรือที่เราเรียกกันว่าการลุยน้ำ ประกันจะไม่รับเคลมเนื่องจากไม่ตรงตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียงประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ เท่านั้นที่คุ้มครองกรณีที่เราขับไปตามปกติและเจอเหตุฉุกเฉินฝนตกกระหน่ำจนน้ำรั่วเข้ารถเท่านั้น กรณีนี้มักจะมีสองส่วนที่เสียหายนั่นก็คือส่วนของระบบไฟฟ้าที่สามารถสังเกตได้จากแผงหน้าปัดรถยนต์กับส่วนที่เสียหายภายในรถยนต์ เช่น พรมหรือเบาะที่เปียกน้ำขัง เป็นต้น ทั้งสองส่วนนี้สามารถเก็บหลักฐานเพื่อเคลมกับบริษัทประกันตามที่ตกลงกันในกรมธรรม์ได้เลย
ปัญหาน้ำรั่วเข้ารถติดอันดับปัญหากวนใจอันดับแรกๆ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งถ้าใครขับรถคนเดียวและเจอปัญหานี้ก็อาจตื่นตระหนกจนเสียสมาธิในการควบคุมรถได้ เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น การมองหาประกันรถยนต์เอาไว้ให้อุ่นใจสัก 1 ตัวจึงเป็นอีกเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มจากประกันรถยนต์ตัวไหน ก็สามารถเข้ามาที่ Rabbit care เพื่อทำการเลือกประกันรถยนต์ที่ตรงใจคุณได้เลย เพราะเราได้รวบรวมประกันรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทยมาไว้ที่นี่เรียบร้อย เปรียบเทียบง่าย โปรโมชั่นงาม อำนวยความสะดวกให้ทุกคน ซื้อ ครบ จบในที่เดียว!
0